ท่องล้านนา - ตามรอยสล่า ตอน 4



💚💚💚💚 ตอนที่ 4 ตามรอยสล่าทำเครื่องดนตรีพื้นเมือง (สุคำ วางเชิง)
 ................: เชื่อมโยงสู่ พิณอีสานล้านนา อ.วังเหนือ จ.ลำปาง (29-11-20)


เราออกจากงาน Gift Fair บ่ายๆ รีบบึ่งมาเชียงรายกะถึงให้ทันฟังเพลงหอนาฬิกา 
และวางแผนจะแวะบ้านของสล่าสุคำ อ.วังเหนือ ซึ่งอยู่ระหว่างทาง(ต้องวกเข้าไปไม่ไกล) 
อำเภอนี่อยู่เหนือสุดของลำปางและเมื่อตอนกลับออกมา เราจะผ่านพะเยาถึงเชียงราย 
เป็นอันว่าวันนี้ เราหายใจผ่าน 4 จังหวัด

              
บ้านของสล่าสุคำ มีชื่อเสียงในการทำ "ซึง" เครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเหนือ 
ที่เราเคยได้ยินว่า "สะล้อ ซอ ซึง" ส่วนในอีสาน จะได้ยินว่า "พิณ แคน ซอ"
สล่าสุคำ ดูจากบ้านของท่าน มีหลักมีฐานมั่นคงมาก เฉพาะเสาไม้ขนาดตามที่เห็น 
 ใช้สร้างบ้านหลังนี้มากกว่า 20 ต้น เป็นเรือน 2 ชั้น ชั้นล่างกำลังปรับเป็นที่รับแขก 
และโรงงานน้อยๆ ทำซึง ชั้นบนเป็นพื้นที่ใช้สอยส่วนตัว นอกจากจะชำนาญงานนี้แล้ว 
ยังเป็นคนสำคัญในการนำจัดพิธีการงานสำคัญของหมู่บ้านด้วย  

 ตัวซึง ทำจากไม้ทั้งแผ่น เจาะทำช่องโพรงเสียงและใช้ไม้แผ่นบนปิด 
ความละเอียด แม่นยำ ต้องผลิตมานาน และคัดเลือกไม้ที่เหมาะสมที่แก่จัด 
ให้เสียงที่มีความกังวานเหมาะแก่ขนาดของซึงนั้น ทีมงานต้องการช่างฝีมือทำตัวซึง
ที่ออกแบบเฉพาะ จึงต้องมาพบกันเพื่อรับงานที่สั่งทำไว้และสั่งผลิต รูปแบบใหม่



จากไม้เป็นท่อนจะใช้เครื่องมือเจียนจนได้โครงร่างแบบนี้ 

      บุคลิกของสล่าสุคำ ใจเย็น หน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลา คุยเนิบๆ แบบชาวเหนือ
ฟังและเก็บรายละเอียดได้หมดตามที่ทีมต้องการ  ด้วยประสบการณ์และปัญญาเลิศ
ในแนวที่เคี่ยวกรำจนชำนาญ  ฝีมือที่หาตัวจับยากในยุคนี้ คนรุ่นถัดมาก็ยังฝีมือไม่เท่าท่าน
อัตราค่าแรงในการผลิต รวมค่าไม้ ถือว่าราคามิตรภาพมากๆ  
จะเห็นว่า รูปร่างของซึง ที่เราสั่งทำนั้น กระเดียดมาทางพิณอีสาน 
นี่เป็นเส้นทางเชื่อมโยง ที่น่าสนใจและอยากบอกเล่าให้กันฟัง... 


เริ่มจากคุณจอมบุรี สมิตินทุ อดีตนักดนตรีสากลจากเมืองย่าโม (มือเบส) 
มาปักหลักอยู่เชียงใหม่นานมาก
จากนักดนตรี .. สู่ โรงเรียนสอนตัดผม และทำธุรกิจเครื่องเสียง
เมื่อเวลาผ่านไป ธูรกิจเปลี่ยนแปลง..เลือกมาใช้ชีวิตสงบ ณ สันกำแพง
เปิดร้านขายเครื่องดนตรี ซ่อมเครื่องดนตรี รับงานเครื่องเสียงเล็กๆ และร่วมแจม
ในวงดนตรีกับเพื่อนๆ บ้าง บางโอกาสและผันมาในสายดนตรีพื้นเมือง


สิ่งที่เริ่มสังเกต มีนักดนตรีพื้นเมืองล้านนา นำเครื่องดนตรีซึง มาให้ปรับแต่ง
เพื่อให้บรรเลงได้แบบพิณ (ซึงที่เป็นลูกกลาง มี 2 คู่สายที่เสียงตรงกับพิณอีสาน 
สามารถเพิ่มอีกหนึ่งสายก็จะมีสายครบแบบพิณ สามารถใช้บรรเลงในลายพิณอีสานได้เลย)
จึงเกิดเป็นเครื่องดนตรีลูกผสม "พิณล้านนา" ขึ้นและต้องมีหัวพญานาคด้วย จึงจะใช่ 
มีนักดนตรีที่ติดต่อให้ปรับแต่งมากขึ้นๆ จนถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้พิณอีสานจริงจัง
ข้อสังเกต และการปรับแต่ง จากซึงสู่พิณ ตามแบบ "พิณอีสานล้านนา"
ซึงที่ใช้เล่นกันมี 2 เสียง คือ ซึงลูก3 และซึงลูก4 ซึง 1ตัว มี 4 สายแต่มีแค่ 2 เสียง คือ
คู่บน1เสียง คู่ล่าง 1 เสียง เมื่อเอาซึงลูก3และลูก4 มารวมไว้ในตัวเดียวกัน
การขึ้นสายก็จะเหมือนกับพิณอิสานพอดี เพียงถอดสายคู่ออกให้เป็นสายเดี่ยวเสียงก็กระชับขึ้น
คนที่เล่นซึงเป็นอยู่แล้ว เมื่อทราบการวิธีวางสายของพิณอีสานก็สามารถเล่นพิณได้เลย
ไม่ต้องไปฝึกใหม่ ก่อนหน้านี้ นักดนตรีซึงไม่เข้าใจ คิดว่าวิธีเล่นคนละแบบ
CR. จอมบุรี สมิตินทุ
 


เพราะลีลาของเมืองเหนือที่เนิบนิ่ม..ถูกเพิ่มสมดุลย์ด้วยลีลาสนุกสนานแบบอีสาน
จึงเป็นที่สนใจของ เจ้าภาพงานพื้นบ้านและงานในพิธีต่างๆ มากขึ้น  


หมวก สุรชัย เป็นศิลปินพื้นบ้าน ที่รู้จักกันกว้างขวาง ลีลาร้องเพลงลูกทุ่ง
ลูกเล่นสายบันเทิง สร้างความครึกครื้นได้ทุกงาน และเป็นนักดนตรีที่โปรดปราน
เสียงพิณอีสาน เป็นชีวิตจิตใจ แต่จะเล่นอย่างไร ก็ยังขาดจิตวิญญาณแบบอีสานอยู่ดี

 

เพื่อนรัก ก็รู้ใจ พากันทำพิณแปลงร่างเป็นเครื่องดนตรี ที่ตั้งชื่อว่า "พิณต้าลิน" 
ตัวและเฟรตเหมือนกีตาร์ ขนาดกึ่งๆ พิณ มี 6 สาย หัวมีพญานาคด้วย..



หมวก สุรชัย ตัดสินใจมาขอเรียนดนตรีอีสานกับ อ.ละมุด ทรัพย์ผาด ครูภูมิปัญญาอีสาน
 ๑ สัปดาห์ เพื่อซึมซับทางเพลงและเทคนิคการบรรเลง ให้ถูกตามแบบแผนของอีสานแท้ 
หลังจาก หมวก สุรชัย กลับเชียงใหม่ ไปได้ไม่ถึง 2 เดือน อ.ก็จากโลกนี้ไป
ถือว่า หมวก โชคดี ยังทันได้รับเคล็ดวิชา ทั้ง อ.เมตตามอบตำราให้มาฝึกต่อ
ในวันนี้ หมวก สุรชัย ได้สืบทอดลีลาการเล่นพิณอีสาน ได้เนียนและ"คือ" มากขึ้น 
"คือ" ภาษาอีสาน หมายถึง ทำได้ดี ทำได้เหมือน 


ในด้านการจัดการ ในด้านพิธีการ เมื่อมีดนตรีอีสานในดินแดนล้านนา
การนำดนตรีและการผสมผสานด้านพิธีการ เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ให้ชัดเจน
เพื่อไม่ให้ก้าวล่วงวัฒนธรรมของสองถิ่น ที่มีความใกล้เคียงด้วยข้าวเหนียวและแจ่ว
เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ทีมล้านนาจึงมาฝังตัวเรียนรู้ จาก สนามจริง ที่ รร.ชนบทศึกษา ขก. 
โดยมี ดร วิญญู ผิวรัตน์ ที่สร้างและนำพาเยาวชนแสดงดนตรีอีสาน ยิ่งใหญ่มาต่อเนื่อง

 


ในส่วนพิธีการ บวงสรวง การจัดรูปแบบ การจัดการพื้นที่ การแสดง
องค์ประกอบต่างๆ ในภาพรวม ทีมงานเลือกมาศึกษา ที่บ้านคำโชนด อุดรธานี

*****
เมื่อมาถึงแดนอีสาน การเจาะลึกในเรื่องเครื่องมือ เป็นภารกิจของสายโม(ดิฟาย)
ดินแดนที่เลือกมาศึกษา คือ บ้านท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม
จาก "สล่า" เมืองเหนือ มาถึงอีสาน ก็จะเรียกว่า "ซาง" (ช่าง) 
ถ้าคำว่า "หมอ" ขึ้นต้นจะไม่ค่อยพบ คำว่า หมอ นำหน้างานสายช่าง 

 

แหล่งผลิตใหญ่ที่มีนายกช่วย ชาสงวน ผู้พลิกฟื้นชุมชนให้กินดีอยู่ดีด้วยอาชีพ
การผลิตเครื่องดนตรีอีสาน มีหลายเกรด ทั้งเป็นของที่ระลึก จนใช้งานระดับโปรฯ
ช่างฝีมือที่นี่ จะทำงานด้วยประสบการณ์ เรียนรู้และพัฒนาขึ้นมาจากการใช้งาน


มีช่างหลายส่วน ตั้งแต่ ทำโครง  งานทำตัว งานประกอบชุดอุปกรณ์เสียง
งานศิลปะ สลักหัวพญานาค ครบวงจร (ดูฟีลคนแกะสลัก รายได้ดีด้วยนะ ไม่พูดเยอะ) 


  
เรียนรู้เฉพาะพิณคงไม่พอ มาถึงที่ได้คารวะ ครูภูมิปัญญา บิดาแห่งหมอแคนของท้องถิ่นนี้ 
และต้องเป่าโหวตให้มีเสียงให้ได้  และยังมีโปงลาง ขนาด/ไม้ ต่างๆ ที่ต้องลองเสียง 

 

ยัง..ยังไม่พอ ทีมงานเดินทางมาเรียนรู้ต่อที่ จ. มหาสารคาม 
ภาพไม่เยอะ แต่สิ่งที่จะสื่อคือ ทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่ผลิตเครื่องดนตรีพื้นเมือง
กลุ่มนี้ น่าศึกษา เนื่องจากเป็นอาจารย์ที่มีความรู้ จาก คณะดุริยางค์ศิลป์ มมส. 
และมีงานวิจัยเครื่องดนตรี รองรับรูปแบบที่ผลิต และออกแบบขึ้นเอง 
ผลิตด้วยเครื่องมือทันสมัย มีมาตรฐาน มีหลักวิชาการผสมผสานรูปแบบดั้งเดิม
พิณของกลุุ่มนี้  ทีมงานเคยติดต่อซื้อไปหลายตัวแล้ว จึงหาโอกาสมาพบผู้ผลิตตัวจริง

 

ที่เชื่อมโยง ย้อนจาก การที่ทีมล้านนา ต้องลงมาถึงถิ่นอีสาน เพื่อลงลึกศึกษารากเหง้า
เรียนรู้ จากภูมิปัญญา ที่มาและพัฒนาการของคนในพื้นที่ แหล่งผลิตและวัสดุที่ใช้
กลุ่มผู้ผลิต หัวใจในการผลิต รูปแบบและพัฒนาการ การใช้งานของแต่ละรุ่น
เพื่อเลือกที่จะนำคุณค่าของพื้นที่ผสมผสาน ถ่ายทอดด้วยความเคารพ
ในการ นำไปสู่ การปรับรูปแบบ การประยุกต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานต่อไป
******
ก่อนที่ทีมล้านนา จะไปพบ สล่าสุคำ นั้น ได้ประมวล รูปแบบ องค์ประกอบจากการมา
ศึกษา เรียนรู้ จากถิ่นอีสานและสังเคราะห์รูปแบบที่ลงตัวในแบบของ อีสานล้านนา
เพื่อให้สล่า ได้ผลิต "พิณอีสานล้านนา" ให้เกิดเครื่องดนตรีคุณค่าแห่งสองผืนดิน
ซึ่ง สล่าสุคำ ยินดีผลิตด้วยเต็มใจ เพราะถือว่าเป็นองค์ความรู้ใหม่ ที่ทดลองร่วมกัน

ติดตาม ..ตอนที่ 5 ต่อไปนะ 
มารู้จัก...สปารำข้าว Enzyme Bath จากญี่ปุ่น มีเพียง 2 แห่งในเมืองไทย
พีค สุด คือ การเรียน เคล็ดวิชา ปักผ้ากับ สล่าครูอาข่า