ณ บ้านสบเลา ริมน้ำเนิน เช้าวันนี้เริ่มต้นเอาบุญนำหน้า ..ไม่คาดหวังอะไร.. คิดว่าถ้าเราทำบุญแล้วอธิษฐานสำเร็จทุกประการ เราคงไม่ต้องทำไรกิน อยากได้อะไรก็ขอพระขอเจ้าไปวันๆ ดังนั้นก็ต้องเผื่อใจน้อมรับสิ่งที่พระเจ้าทดสอบว่าจะมอบบทเรียนอะไรให้เรียนรู้อีก เชื่อเถอะถ้าหัวใจคุณเบิกบาน ..ไม่ว่าพานพบอะไร คุณก็มองเห็นความงามได้หมด...
มาต่อกันที่ บ้านสบเลา เมืองหัวเมือง..นับว่าเป็นชุมทางที่สำคัญและเป็นบ้านวัฒนธรรมที่การันตีด้วยรางวัลมากมาย เราติดต่อร้านอาหารให้ช่วยทำอาหารสำหรับใส่บาตร ด้วยความรู้สึกติดค้างต่อวัวหนุ่ม อยากทำอะไรส่งพลังบุญไปให้...
บรรยากาศรอบตลาด ใต้ถุนบ้านมีกี่ทอผ้าเกือบทุกหลัง คนหมู่บ้านนี้
ช่างมีความสุขจัง หันไปทางไหนมีแต่เขาล้อมรอบ
ดูจากป้ายย่องยอ (ป้ายเกียรติยศ) บอกรางวัลต่างๆ หลายระดับ เป็นบ้านปลอดคดี บ้านปลอดยาเสพติด วัฒนธรรมดีเด่น บ้านสาธารณสุขแบบอย่าง
และที่น่าสนใจ ขับเคลื่อนด้วยสตรีผู้นำ บ้านแม่ญิง 3 ดีอีกด้วย
ศาลาพักเซานักท่องเที่ยว ตามป้ายบอก เดินจนเมื่อย พักศาลาแป๊บ!
ทิวทัศน์ขัว(สะพาน)น้ำเนิน สบายตา น้ำไหลไปหาเขา..(แล้วเราล่ะ)
แม่น้ำเนิน เป็นสายสำคัญกั้นแบ่ง แขวงเชียงขวางกับแขวงหัวพัน
มาเนิ่นนานแต่ดึกดำบรรพ์ มีตำนานเล่าขาน ว่างๆ จะมารีวิว
หญิงชาวบ้าน เธอเก็บสาหร่ายน้ำจืด เตรียมมาขาย ที่จริงปลาน้ำจืดหน้าตาแปลกๆ รสชาติดี หาจากท้องน้ำนี่ วิถีพออยู่
ขยันหาก็มีกิน..ไม่อดตาย
อยากได้ทราย ก็ไปหาเอา ริมน้ำนั่น ขุดเอาไปใช้เลย
สามเฒ่า ชื่นชมน้ำนาป่าเขา...แล้วมาแอ็คท่า ท้าลมหนาว (8 องศา) พิงราวขัว ..ฆ่าเวลารอไปวัดจ้า ...
น้องต้อย เจ้าของร้านอาหารเตรียมอาหาร และแพรเบี่ยงไว้ให้
เธอบอกว่า ต้องเบี่ยงผ้าไปวัดทั้งหญิงชายถึงจะถูกต้องตามประเพณี
เราได้ใส่บาตร หยาดน้ำอุทิศบุญกันทั่วหน้า วัดบ้านเล็กๆ แห่งนี้
ให้ความอิ่มใจไม่ต่างวัดใหญ่โตในเมือง...ที่สุดแล้วบุญไม่มีขนาด...
มีแต่สมมติเอาทั้งนั้น...ใจคนแค่กำปั้น ขนาดความสุขมากกว่านั้น..
พื้นที่ใจไม่พอรับ.ก็จะพอง..แล้วใจมันก็จะแตกเอา ..สุขพอดีๆ ก็เอาละ
พื้นที่ใจไม่พอรับ.ก็จะพอง..แล้วใจมันก็จะแตกเอา ..สุขพอดีๆ ก็เอาละ
พื้นที่แค่นี้ ครูบาสองรูปท่านก็บำเพ็ญกิจ..เพียงพอต่อการดำรง
คงค้ำพระพุทธศาสนาแล้ว เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้ยั่งยืนเป็น
ร้อยครัวที่ผลัดเปลี่ยนกันมาตักบาตร ถวายจังหัน-เพลมิได้ขาด..
ร้อยครัวที่ผลัดเปลี่ยนกันมาตักบาตร ถวายจังหัน-เพลมิได้ขาด..
นี่ไง "ไค" สาหร่ายนำจืด ที่สาวริมน้ำเธอเก็บมา วางแผงหรูในตลาด
เราได้ข้อมูล จากน้องต้อยว่า เช้านี้รอดูมีผ้าทอมากมาย..(ตื่นเต้นกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว) ในตลาดน้ำเนินแห่งนี้ ..ผ้าทอซำเหนือมีมากมาย 4-5 ร้าน เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว..แต่ผ้าทอมือ ส่วนใหญ่ที่นี่
กลายพันธ์ุมาใช้ฝ้ายโทเรเป็นเส้นยืน ซึ่งซื้อหาได้ง่าย ถูก
ไม่ต้องปั่นเอง เราก็เลยไม่ปลื้ม เพราะนิยมฝ้ายแท้
กลายพันธ์ุมาใช้ฝ้ายโทเรเป็นเส้นยืน ซึ่งซื้อหาได้ง่าย ถูก
ไม่ต้องปั่นเอง เราก็เลยไม่ปลื้ม เพราะนิยมฝ้ายแท้
เดาซิว่า คณะของเราได้ผ้ามากันกี่ผืน..ราคาน่าซื้อมากเลย ต่างจากราคาออนไลน์เกือบเท่าตัว ก็สอยมานิดนึง..สนับสนุนท้องถิ่นเขา
"หมากแคน" สมุนไพรหรือเครื่องเทศพื้นบ้าน ใช้หมัก หมู เนื้อป้ิงย่าง ทำอาหารสารพัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เราก็ซื้อมา 1 ห่อ/5000 k.
น่าชื่นชมวัยรุ่น ลูกชายน้องต้อย ช่วยแม่ทำปลาก่อนไปร่วม
กิจกรรมโรงเรียนในวันหยุด (เด็กบ้านเราล่ะ?)..
**เมืองนี้เดินไปทางไหน จะพบช่างทอ แทบจะทุกบ้าน หลักฐานที่เราเห็น ฝ้ายก็โทเร ไหมก็โทเร..สวยสดงดงามตามแบบตลาดนิยม..
***รถโดยสารระหว่างเมือง คันนี้วิ่งระหว่าง เวียงจันทน์ไปซำเหนือ
ออกจากเวียง 5 โมงเย็นมาถึงบ้านสบเลา 8 โมงเช้า
และมาจอดแวะพักที่น้ำเนินเช่นกัน ก่อนไปต่อถึงซำเหนือราวเที่ยง
และมาจอดแวะพักที่น้ำเนินเช่นกัน ก่อนไปต่อถึงซำเหนือราวเที่ยง
ตามทางเราจะพบ ชาวบ้าน ตากต้นไม้กวาดตลอดทุกหมู่บ้าน บางทีเห็นเด็กๆ เดินแบกใส่บ่ากันมา ไม้กวาดเขามีความหนาทนทาน
ใช้กันเป็นปี มีน้ำหนัก ขนาดใหญ่ ราคาอันละ 80 บาท แค่เก็บต้นไม้กวาด เอามาตาก มัดขายก็มีเงินใช้ละนะ
เด็กๆ ช่วยพ่อแม่ ถากทางปรับที่บ้าง หาฟืน เก็บผัก ทำงานเป็น
ตั้งแต่เล็กๆ เห็นภาพแบบนี้ตามรายทางเป็นธรรมดา คนผอมไม่มี
ส่วนใหญ่แก้มแดง แข็งแรง สมส่วนตามลักษณะชาติพันธุ์
ที่นาคล้ายขั้นบันได จากการปรับคันนาคดโค้ง ลดหลั่น ตามสภาพ
พื้นที่เป็นเนิน ดูงดงามแม้จะเกี่ยวข้าวไปแล้ว
หมู่บ้าน ...นี้ ขนาดใหญ่ น่าสนใจ แต่ชื่อบ้านอะไร มาดูกัน
ชื่อบ้านคังคาว มีโรงเรียนของหมู่บ้าน บนเนินข้างหน้านี่ โห..เท่มากๆ
นั่นไง มีตลาด คึกคัก รู้เลยว่าเป็นเผ่าม้ง
คุณยาย ที่อัธยาศัยดี เข้ามาคุยทักทาย เราห่างกัน 20 ปี จะรอดถึงอายุเท่ายายมั้ยเนี่ย
ได้โอกาสแจกเสื้อให้เด็กกำพร้า 2 คน ขอเป็นภาพด้านข้างละกัน
เพื่อให้เกียรติแก่ศักดิ์ศรีของเขา
ได้เวลาไปต่อ.. เก็บภาพช่างพื้นบ้าน สะพายอุปกรณ์ครบมือหาดูยาก
สเน่ห์เมืองลาว ที่เรารู้สึกผูกพัน คือ ขัวเก่าแก่แบบต่างๆ ชอบลวดลายแบบของหัวขัว อาจเป็นเพราะวัยเด็กเราโตมากับสะพานเป็นเส้นทางสัญจร.. ดีนะรัฐบาลงดเก็บค่าผ่านขัวใหญ่ๆ ไปพักนึงแล้วไม่งั้นก็จ่ายเยอะเหมือนกัน
บ้านหลังคาไม้ ยังเห็นเป็นปกติ ตามรายทาง ภูมิปัญญาที่สืบทอดและสานต่อ ไม้ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นไม้โล้งเล้ง บ้านเมืองเขามีไม้เต็มพื้นที่
***ข้อมูล จากน้องต้อย เธอ บอกว่า บ้านที่ทอผ้าแหล่งใหญ่
เราจะผ่าน 3 บ้าน คือ บ้านนาคูน บ้านนาสาลา และบ้านสะเลย
ภาวนาขอให้เจอของแท้ ..ดังใจหมาย
เย้! ที่สุดเรามาถึง บ้านนาสาลา แหล่งทอผ้าขนาดใหญ่ ใน 3 แห่ง
ทอผ้าตระกูลไทดำไทแดง ส่งขายทั้งฝั่งไทยลาว เห็นคนยิ้มแฉ่ง
ในมุมนั้นไหม เซียนผ้าประจำกลุ่มค่ะ ต้องผ่านซีคิวจากเธอก่อน
ถึงเปิดเป่าตังค์ได้ ..นับกี่ดูค่ะ ว่ามีเท่าไร นั่นก็คือ จำนวนลูกสาว
บ้านนั้นๆ บ้านนี้มี 3 กี่ค่ะ
ผ้าผืนนี้ทอแน่นดีและงามมาก แต่ที่ยังไม่ซื้อเพราะเงินเราไม่ถึง
(เราจะกลับมาใหม่) ไหมทั้งผืน ราคาไม่แพงเลย
บ้านนี้กี่เยอะ แต่มีผ้านำเสนอไม่มากเพราะพึงมีนายหน้ามารับไปส่งที่ตลาดซำเหนือ เราได้ผ้าจากเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านถือมาให้ชม และเดินไปชมผ้าที่คากี่อยู่ ซื้อกันจนเกือบหมดแม็ก ..
(เรามีแบ่งให้อยู่นะ ซื้อมาเผื่ออยู๋..ใครสน..คุยหลังไมค์ได้)
คุณพี่อิฉันเอง ผูกกันเป็นพี่น้องแล้ว ช่างผ้าทอเก๋ามาก ฝีมือเยี่ยม แน่นปั๋งกว่ามือสาวๆ ทอ นับว่าฝีมือขั้นเทพ
แอบเห็น ข้างบ้านทอผ้า น้ำกลั้่นกำลังหยดติ๋งๆ เปรี้ยวปากเลย..
แม่จ้าาาว! ขนาดสามกรึ๊บ นอนกลิ้ง..ไม่ค่อยแรง!
นางแพ็บ วงคำไซ เป็นพี่เรา 5 ปี อายุ 65 สายตายังดี ทอผ้าได้
ผ้าครามหม้อนิล ย้อมเองหอมๆ ..เราขอดูผ้าทอที่เธอใช้ ปรากฎว่า
ผ้าของช่างไม่มีผ้างามใส่ ขายหมด ..ผืนนี้ขอเธอมาเป็นที่ระลึก ..
ขอเล่นๆ ให้จริงๆ ดุจการปล้นมาไงไม่รู้
แต่ซื้อผ้าซืนเธอมา 4 ผืน ใครอยากได้ จะแบ่งให้นะ..
เดินต่อมาถึง บ้าน คุณต้อย (เจอแต่คนชื่อต้อย) โต๊ะข้างหน้าเรา น่าจะยาวกว่าสามเมตรนะ นี่ก็ไม้โล้งเล้ง ..เธอเป็นคนมีฐานะ
แต่ก็ทอผ้าเป็นอาชีพหลัก ดูสิว่าเธอร่ำรวยจากอะไรอีก
นี่ไง ธุรกิจเธอ ค้าไม้โล้งเล้ง ไม้ที่มีกลิ่นบำบัด เป็นไม้เนื้อแข็ง ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์คงดีต่อสุขภาพเพราะมีกลิ่นหอม ทำให้นอนหลับสบาย
เธอบอกว่า สนใจ เธอส่งให้ได้ ..เธอมีใบประกอบการพร้อม
ถูกต้องตามกฎหมาย..
ออกจาก บ้าน นาสาลา ด้วยความอิ่มเอมเปรมใจ สบายกระเป๋า
เห็นครอบครัวหมูน้อย น่ารัก (น่าจับไปลาบ..อิอิ หมดตูดแล้วนี่)
ที่จริงจะเห็นแบบนี้วิ่งข้างทางตลอด..ไม่หนี ไม่กลัวใคร..ก็บ้านกรู..
อีก 20 กิโล เราจะถึงซำเหนือแล้ว อ้าว! เอ๊ะ มีงานอะไร ..
มาถึงขัวห้วยฮาน..ปรากฎว่า รถบัสจากเวียงจันทน์คันนั้น ล้อทิ่มลงไนพื้นร่องขัว เสียงที่เล่าต่อๆ บอกคนมาทีหลังด้วยความเซ็งว่า "ขัวหัก"
ก็รอสิคะ จะไปได้งัย? นี่เป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่ หักก็ซ่อม
รอกันเป็นครึ่งค่อนวันก็ต้องรอ ..ถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้นี่นา..
ในขณะที่รอเจ้าหน้าที่ซ่อมนั้น ข้างๆ ขัว ก็มีความงดงามของที่นาแบบขั้นบันได ให้ชื่นชม ..แถวนั้น มีน้ำพุร้อนด้วย แต่ยังประเมินสถานการณ์ไม่ถูก รอก่อนดีกว่า...คนที่มาถึงก่อนเรา รอนานกว่าอีก
ใช้เวลารอราว ชั่วโมง ..เขาใช้แบ็คโฮ ดึงล้อขึ้นและรถบัสกระดึ๊บ
ออกจากสะพาน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ใช้หัวดัดแปลง ซ่อมชั่วคราวเพื่อให้รถอื่นๆ ไปต่อ เราโชคดี ฝั่งเราได้ข้ามมาก่อน
(อีกฝั่งจอดรอกันยาวเป็นกิโล)
มากันต่อ ใครจะคิดว่าฝนฝอยจะหนามาก เหมือนเมื่อตอนเดืนทาง
กลางคืนไม่มีผิด โอ้...20 กิโลโหด...
มาถึงแล้วววว... เมืองซำเหนือ ดูจากหน่วยแก้วสัญลักษณ์เมืองนั่นสิ
ได้รับการต้อนรับ จาก น้องดาวไสว ภรรยาของเพื่อนน้องฮักของเรา เราไม่เคยเห็นกันเลย ติดต่อกันทางโทรศัพท์ น้องดูแลเราประดุจญาติผู้ใหญ่ ...น้องเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองของเมืองนี้ เธอเรียนการเมืองจบจากเวียตนาม
ความอายุเท่ากันกับครูแต้ ก็เลยจับผูกเสี่ยวกันซะเลย
ครูศิลปะป.โทกับดาวไสว ข้าราชการสาวมั่น
แต่นอกจากเธอจะมีลูก 2 แล้วเธอยังมีกี่ทอผ้าไหมในบ้านหรู
ผ้าไหมที่ทอค้างไว้...แม่จ้าาาว..สวยมาาาาก
ครูแต้..มีไร ไม่มีสักลูกเลย..ผ้าก็ต้องซื้อเอา..บางทีก็วาดเอาเอง !!
(ติดตามตอนต่อไปนะคะ ..น่าจะขยายเป็น 6 ตอน ถ้าชอบช่วยแชร์ด้วยนะคะ เราอยากให้คนอ่านเยอะๆ ..)