เราเป็นคนหนึ่งในหลายคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในลาว เรามีกำลังที่จะไปไหนมาไหนได้พอสมควร แต่เราคิดว่าถิ่นที่เราผูกพันและมั่นใจในการใช้ชีวิตในทุกสถานการณ์ เราพอใจที่จะซึมซับพลังจากแผ่นดิน ความงดงามตามธรรมชาติโดยเฉพาะขุนเขาในลาวอย่างยิ่ง ความคิดแบบนี้ไม่ใช่เราที่ยืนยันแต่การที่ได้พบเพื่อนคนไทยมากมายในดินแดนที่ไม่คาดว่าจะพบกัน และในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญด้วยความเข้าใจ เราพบน้ำใจของพี่น้องลาวด้วยน้ำใสใจจริง เราจึงชอบท่องไปในทุกโอกาสและเวลาอำนวย ระยะหลัง เรานำความรักชอบในผ้าทอเป็นตัวกำหนดเป้าหมายเส้นทางท่องเที่ยวของเรา
Day 1 จุดเริ่มต้น หลังเลิกงาน เดินทางออกจากขอนแก่น เรามีแผนหลวมๆ ในการเดินทางครั้งแรกด้วยเส้นทางที่ยังไม่เคยไปเอง ไปนอนพักค้างคืน ที่ จ.บึงกาฬ เราเลือกโฮมสเตย์กึ่งรีสอร์ท ราคาสบายๆ ห่างจากตลาดและด่านประมาณ กิโลกว่า ถึงที่พัก สามทุ่มกว่า เราแวะหาร้านแผงลอยข้างทาง ดับความหิว และพักเอาแรง เนื่องจาก พี่สุพจน์เจ้าของรถและภรรยา เดินทางมาจากจันทบุรี ตั้งแต่เช้า มาสมทบรับพวกเรา 3 ชีวิต
รีสอร์ท กึ่งโฮมเสตย์ แบบน่ารักๆ ที่เราพักผ่อนกันหนึ่งคืน ราคาเบาสบายคุณภาพ 3 ดาว ช่วยให้เรามีแรงพร้อมเดินทาง
Day 2 ร้านอาหารเช้า ที่เราหมายตาไว้ เมื่อคืนก่อน เมื่อได้เวลานัดหมายเคลื่อนทัพมาทันใด และดูเหมือน
ร้านก็เลือกเราด้วย "บ้านข้าวเปียก " เป็นร้านยอดนิยม ลูกค้ามารอคิวเนืองแน่น และมีคุณตำรวจจราจรเป็นเจ้าของ หลังออกเวร ท่านแวะรับออเดอร์ช่วยแม่บ้าน . แต่ท่าทางเหมือนกำลังเขียนใบสั่งไงไม่รู้
ร้านนี้ อร่อย ทุกอย่าง โจ๊ก ข้าวต้ม เกาเหลา ก๋วยจั๊บญวน ขนมปัง ไข่กะทะ เพียบพร้อม ..อิ่มค่ะ
ยังไงก็ต้องโด๊บ ทั้ง คนขับและผู้โดยสาร เพื่อพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเส้นทางที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน
เราไม่รู้จักร้านกาแฟชื่อดังประจำเมือง จึงต้องเลือก "ร้านกาแฟนกแก้ว" ไว้ก่อน ที่พอได้มาตรฐาน
Espresso Hot Double Shot โอ้ ..เพียวๆ ตื่นตาตื่นใจ
ทริปนี้เราเช็ค ความพร้อมทุกอย่าง พาสปอร์ตครบทุกคน ประกันรถ พรบ.ลาว พร้อม
(ทำไว้ตั้งแต่ครั้งไปไชยบุรี ยังไม่หมดอายุ) แต่เราลืม ต่อ พาสปอร์ตรถ โอ้แม่จ้าาวว ..ไปขนส่งบึงกาฬสิคร้าบบบบ รอไร (ดีนะที่ยุคนี้ต่อจังหวัดไหนก็ได้) ก็รอประมาณ 2 ชั่วโมง (ช้ากว่าขอนแก่นนะ เพราะขอนแก่น แค่ 15 นาที) เรารู้ว่าความล่าช้า จะช่วยจัดสรรให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ย้อนกลับมา ที่ด่านบึงกาฬ เพื่อเดินเรื่อง แสตมป์หนังสือเดินทางและขออนุญาตนำรถออก ที่เราเลือกมาทางด่านนี้เพราะเส้นทางใกล้ ถนนดีกว่า (เราวิ่งฝั่งไทยบ้านเราย่นระยะมาระดับหนึ่ง เพราะถ้าเข้าทางด่านเวียงจันทน์ ขับลงมาทางใต้ ทางวิ่งลำบากกว่าและใช้เวลามาก (เพราะห้ามวิ่งเกิน 60 กม./ชม.)
และที่สำคัญ ได้พารถมาเที่ยวลงเรือบัก (แพขนานยนตร์) ด้วย
ระหว่างรอทำเรื่องเอกสารรถ ก็เก็บภาพไว้เป็นอุทาหรณ์
เวลา 12.00 น. พอดี แพเที่ยวนี้ออกเดินทาง เรามาพร้อม 18 ล้อ 2 คัน และพารถ โตโยต้าใหม่ปิ๊ง เข้ามาส่งลูกค้าลาว ร่วม 10 คัน ดูรวยมาาาาก ...เหมือนเถ้าแก่ เอารถใหม่มาส่งลูกค้า
(ติดตามตอนต่อไปค่ะ)