เล่าเรื่อง  ท่องเมืองซำเหนือ  แขวงหัวพัน สปป.ลาว  ตอน 1

            เราเป็นคนหนึ่งในหลายคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในลาว   เรามีกำลังที่จะไปไหนมาไหนได้พอสมควร  แต่เราคิดว่าถิ่นที่เราผูกพันและมั่นใจในการใช้ชีวิตในทุกสถานการณ์   เราพอใจที่จะซึมซับพลังจากแผ่นดิน ความงดงามตามธรรมชาติโดยเฉพาะขุนเขาในลาวอย่างยิ่ง   ความคิดแบบนี้ไม่ใช่เราที่ยืนยันแต่การที่ได้พบเพื่อนคนไทยมากมายในดินแดนที่ไม่คาดว่าจะพบกัน   และในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญด้วยความเข้าใจ  เราพบน้ำใจของพี่น้องลาวด้วยน้ำใสใจจริง   เราจึงชอบท่องไปในทุกโอกาสและเวลาอำนวย  ระยะหลัง เรานำความรักชอบในผ้าทอเป็นตัวกำหนดเป้าหมายเส้นทางท่องเที่ยวของเรา
           
Day 1  จุดเริ่มต้น หลังเลิกงาน เดินทางออกจากขอนแก่น  เรามีแผนหลวมๆ ในการเดินทางครั้งแรกด้วยเส้นทางที่ยังไม่เคยไปเอง ไปนอนพักค้างคืน ที่ จ.บึงกาฬ   เราเลือกโฮมสเตย์กึ่งรีสอร์ท ราคาสบายๆ  ห่างจากตลาดและด่านประมาณ กิโลกว่า  ถึงที่พัก สามทุ่มกว่า  เราแวะหาร้านแผงลอยข้างทาง ดับความหิว และพักเอาแรง เนื่องจาก พี่สุพจน์เจ้าของรถและภรรยา เดินทางมาจากจันทบุรี ตั้งแต่เช้า มาสมทบรับพวกเรา 3 ชีวิต

       ตลาดแผงลอยหน้า รร บึงกาฬ เราไม่มีโอกาสเลือกร้านดัง แต่รสชาติอาหารทุกร้านที่เรียงราย  (ขนาดเก็บไปแล้วหลายร้าน)  ก็จัดว่าอร่อยได้มาตรฐาน 
รีสอร์ท กึ่งโฮมเสตย์ แบบน่ารักๆ ที่เราพักผ่อนกันหนึ่งคืน  ราคาเบาสบายคุณภาพ 3 ดาว ช่วยให้เรามีแรงพร้อมเดินทาง

Day 2  ร้านอาหารเช้า ที่เราหมายตาไว้ เมื่อคืนก่อน  เมื่อได้เวลานัดหมายเคลื่อนทัพมาทันใด  และดูเหมือน
ร้านก็เลือกเราด้วย "บ้านข้าวเปียก " เป็นร้านยอดนิยม ลูกค้ามารอคิวเนืองแน่น  และมีคุณตำรวจจราจรเป็นเจ้าของ  หลังออกเวร ท่านแวะรับออเดอร์ช่วยแม่บ้าน .  แต่ท่าทางเหมือนกำลังเขียนใบสั่งไงไม่รู้
ร้านนี้ อร่อย ทุกอย่าง โจ๊ก ข้าวต้ม เกาเหลา ก๋วยจั๊บญวน  ขนมปัง ไข่กะทะ เพียบพร้อม ..อิ่มค่ะ 

ยังไงก็ต้องโด๊บ ทั้ง คนขับและผู้โดยสาร เพื่อพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเส้นทางที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน
เราไม่รู้จักร้านกาแฟชื่อดังประจำเมือง  จึงต้องเลือก "ร้านกาแฟนกแก้ว" ไว้ก่อน  ที่พอได้มาตรฐาน
Espresso Hot  Double Shot โอ้ ..เพียวๆ ตื่นตาตื่นใจ 

ทริปนี้เราเช็ค ความพร้อมทุกอย่าง  พาสปอร์ตครบทุกคน  ประกันรถ พรบ.ลาว พร้อม
(ทำไว้ตั้งแต่ครั้งไปไชยบุรี ยังไม่หมดอายุ)  แต่เราลืม ต่อ พาสปอร์ตรถ โอ้แม่จ้าาวว ..ไปขนส่งบึงกาฬสิคร้าบบบบ  รอไร (ดีนะที่ยุคนี้ต่อจังหวัดไหนก็ได้) ก็รอประมาณ 2 ชั่วโมง (ช้ากว่าขอนแก่นนะ เพราะขอนแก่น แค่ 15 นาที)  เรารู้ว่าความล่าช้า จะช่วยจัดสรรให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง

ย้อนกลับมา ที่ด่านบึงกาฬ  เพื่อเดินเรื่อง แสตมป์หนังสือเดินทางและขออนุญาตนำรถออก ที่เราเลือกมาทางด่านนี้เพราะเส้นทางใกล้ ถนนดีกว่า (เราวิ่งฝั่งไทยบ้านเราย่นระยะมาระดับหนึ่ง  เพราะถ้าเข้าทางด่านเวียงจันทน์ ขับลงมาทางใต้ ทางวิ่งลำบากกว่าและใช้เวลามาก (เพราะห้ามวิ่งเกิน 60 กม./ชม.) 
และที่สำคัญ ได้พารถมาเที่ยวลงเรือบัก (แพขนานยนตร์)  ด้วย

ระหว่างรอทำเรื่องเอกสารรถ ก็เก็บภาพไว้เป็นอุทาหรณ์

เวลา 12.00 น. พอดี แพเที่ยวนี้ออกเดินทาง  เรามาพร้อม 18 ล้อ 2 คัน และพารถ โตโยต้าใหม่ปิ๊ง เข้ามาส่งลูกค้าลาว ร่วม 10 คัน  ดูรวยมาาาาก ...เหมือนเถ้าแก่ เอารถใหม่มาส่งลูกค้า  
(ติดตามตอนต่อไปค่ะ)