ถ้าคุณชอบท่องเที่ยวแบบซื้อทัวร์ มีคนจัดโปรกรมให้ ไปตามจุดต่างๆ วิ่งตามโปรแกรมจนครบและได้ถ่ายภาพที่ใครๆ ต่างก็เอามาโพสท์ตรงนั้นตรงนี้ คงไม่ชื่นชอบทริปบ้าบอนี้ของเรา ซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณหลงมากับเราคงจะทวงกลับบ้านไปแล้วตั้งแต่รถชนวัว แต่นี่มันคือรสชาติของทริป เราเองยังได้ลุ้นว่า เราจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ระหว่างเส้นทางกันวันต่อวัน
วัตถุประสงค์ของการรีวิวด้วยภาพและการเล่าเรื่อง เพื่อเก็บข้อมูลและส่งต่อสำหรับผู้สนใจเป็นไกด์นำทาง เผื่อท่านใดจะลองไปเที่ยวแบบนี้บ้าง จะได้เตรียมใจให้พร้อมและใช้เป็นบันทึกที่เก็บความทรงจำ ป้องกันเรื่องความจำเสื่อมในอนาคตอันใกล้ที่มันอาจมา ที่จริงเราเข้ามาเที่ยวลาวเป็นสิบปีแล้ว แต่ไม่ได้เขียนเป็นเรื่องเป็นราวไว้เมื่อไรว่างกว่านี้จะรื้อภาพที่เก็บมาเล่า คงเห็นการพัฒนาจากวันเก่ามาถึงวันที่อ่าน ว่าแล้ว...ยังตีเมืองผ้าไม่แตกเลย วันนี้หละจะได้แตะผืนผ้ากันแล้ว ตอนนี้ภาพจะเยอะมาก
เริ่มกันที่ เฮือนพัก เราพักหลังใน ยังเท่ขนาดนี้ ราคาตามที่บอก 70,000 K.เอง
ประเมินสภาพ ด้านหน้ารถ ที่ชนวัว กันชนยุบเข้าไปขูดล้อ เกรงจะหนักไปหน้า
จึงต้องซ่อมแปลงซะหน่อย ในเชียงขวางพอมีพี่น้องให้พึ่งพาถามไถ่ร้านซ่อมได้อยู่ ..จัดไป
ประดาคนรอ ก็ใช้ไวไฟ ท่องโซเชียล จนชาร์ตแบตไปสามรอบ ฝ่ายซ่อมก็ยังไม่เสร็จ
กว่ารถจะออกจากอู่มาได้ บ่าย 2 ถ้ารู้ว่านานขนาดนี้ ไปเดินทุ่งไหหินหมดทุ่งพอดี..นี่ไงเหตุการณ์ที่ต้องเรียนรู้ สรุปจ่ายค่าดัด งัด เคาะ หมดไป 500,000 k.เนี้ยบเลย รีบไปต่อสิค้าา รอไร?
14.15 น. เราพึ่งจะได้ออกจากเมืองโพนสวรรค์ เชียงขวาง เราต้องเติมน้ำมันซักหน่อย
เติมกะซ่วน(ดีเซล) นะคะ อย่าบอกผิด รถจะพังเอา
เด็กปั้มสาวน้อย ท่าทีผู้ดีมีการศึกษา อีพ่อบอก ขอถ่ายภาพส่งให้ลูกชายได้บ่..นางขำๆ .แต่โอเค
เดินทางมาสักพัก เห็นรถขนส่งทหาร ..น่าจะเป็นรถใช้งานจากรัสเซียเมื่อ 50 ปีก่อน สภาพยังปิ๊งๆ
พวกเขามาทำไรแถวนี้น้อ..พอเราชลอแอบดูท้ายรถ อ๋อ...รถทหารมาเก็บฟืนไว้ใช้เต็มรถ พวกต้นไม้แห้งตายตามข้างทาง เราลืมไปว่า วิถีเขาต้องใช้ฟืนกันอยู่และเชื้อเพลิงจากไม้เขามีกันมากมาย
วิว ข้างทาง ถัดจากแนวดินตรงไหล่ทางก็เหวไปเรื่อยๆ เลยหละ เส้นขาวๆ ตรงกลางขวามือ
นั่นคือถนนบนเขาข้างหน้าที่เราจะไป ทางเป็นแบบนี้ตลอด คดโค้งวกไปมายิ่งกว่าโค้งปิ้งงูบนภูพาน ..
สิ่งที่ผู้โดยสารจะได้เสพ คือ ความงามของขุนเขาที่สลับซับซ้อน คุณสามารถเลือกจับความรู้สึกได้
สองขั้ว คือ ความกลัว ระดับหวาดสียวจากเหวลึกข้างๆ รถระยะไม่เกิน 1 เมตร
กับขั้วของความรักชื่นชอบ ถ้าเลือกขั้วนี้ คุณจะรับพลังของขุนเขาอย่างแน่นหนักผนึกในจิตใต้สำนึก และความงามที่เต็มอิ่มส่งผลให้คุณรู้สึกปิติเบิกบาน ..ที่ไม่มีใครแย่งชิงไปจากคุณได้
15.15 น. เราเดินทางมา ถึงบ้านตาเป๊อะ เห็นทุ่งนาแปลกๆ และมีรถจอดเหมือนรับส่งของ จึงจอดแวะ
ปรากฎว่า เป็น นาผักสลัดน้ำ (Water cress) ที่เราอยากเห็นมาตลอด เนื่องจากเราส่งเสริมให้ รร.ปลูก water cress แต่เป็น Chinese Water cress และของแท้แบบนี้ เรายังไม่เคยเห็น โอ้!ไม่นึกว่าที่นี่จะมี
ส่วนที่มองเห็นเป็นน้ำ นั่นคือ นาผักแปลงที่ตัดออกขาย ผักน้ำนี่ไม่ต้องลงแรงอะไร ปลูกไว้มันก็ขยายเอง
เพราะน้ำมีตลอดปี มาตัดเก็บขายได้ตลอด
ต้องลงไปสังเกตกระบวนการใกล้ชิด ผักที่ตัดมา มัดเป็นกำๆ บรรจุลงตะกร้า หรือขายเป็นถุง
ลักษณะผัก เป็นใบนุ่มบางๆ กลมๆ มีหยักเล็กน้อย ก้านเล็กๆ สีขาวยาว ทานสดคุณค่าอาหารตามที่เคยศึกษามาก็พอดู ลดเบาหวานความดัน หัวใจได้พอดี และถ้าผัดน้ำมันหอยคงอร่อยน่าดู
เถ้าแก่คนนี้ (น่าจะเป็นชนเผ่าม้ง) มารับผัก บอกว่าขายดี เขามารับซื้อประจำ ซื้อตะกร้าละ 60,000 K. (ประมาณ 230 บ.) รถบรรทุกคันที่จอด เอาไปเต็มรถ..
ทริปนี้ รักเด็กค่ะ เจอเด็กที่ดูแล้วว่าเขาน่าจะต้องการเสื้อใหม่ ก็จะถามไถ่ผู้ปกครองก่อนว่า
ต้องการมั้ย รับได้มั้ย เขายินดีรับเราถึงมอบให้ ..
เสียดายที่กล้องเรา เก็บความละเอียดไกลๆ ได้ไม่ดี เขาที่ซับซ้อนข้างหน้าต้องแสงอาทิตย์งามเหลือ
ที่เพิงเล็กๆ สาวน้อยคนนี้ เรียน ม. 1 ช่วยแม่ขายผักเก่งมาก ให้เงิน 10,000 k. เธอไม่มีเงินทอน
ขอให้เรารับไป 2 ถุงๆ ละ 5000 K จะได้พอดี น้องมาย เกอลี่ ชื่อ สาวน้อย เผ่าม้ง
ครูแต้ก็ช่วยซื้อผักจากคุณแม่เจ้านี้ รวมแล้ว มีผักกิน 3 ถุง ถึงเราจะเสียเวลาไปด้วยเหตุอื่น แต่เราก็จะได้ผักมาเพิ่มพูนสุขภาพและยืดอายุเราไปอีก (คิดบวกเข้าไว้)
ขับรถต่อมา ประมาณ 10 นาที ถึงบ้าน เซียงเกี่ยว เราเห็นป้าย หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ จึงเลี้้ยวเข้ามา
ประมาณ 500 ม. หมู่บ้านไทดำ มีหอวัฒนธรรมเล็กๆ แต่ภาพรวมเชื่อว่า ยังอนุรักษ์วิถีไว้เต็มเปี่ยม
ใจเราแอบหวังลึกๆ ว่าจะเข้าเมืองเซินลา (ชายแดนลาว-เวียต) ตามบทเพลง ไทดำรำพัน
(แต่ทริบนี้ทางกำลังสร้าง ยังไม่เสร็จ และรถเราพวงมาลัยขวา ห้ามเข้าวิ่งในเมืองเวียต)
เจอผ้าผืนแรก แล้ว....ผ้าทอตัดจากกี่ ช่างทอ ราคามิตรภาพ พี่สุพจน์ สอยมาผืนแรกเลย
ผ้าทอของพี่น้องไทดำ โดยตรง
เฮือนแบบเบ้า ชาวไทดำ สังเกตการตั้งเสา ที่ไม่ขุดเสาลงฝ้งในพื้นดิน แต่ใช้การตั้งบนเสาปูน
เหมือนตอม่อบ้านเรา ลืมถามว่า บ้านเขาเรียกว่าอะไร
ภายในหอ มีผ้าทอพื้นเมืองไทดำ จัดแสดงและจำหน่าย ด้วย ราคาเอาการอยู่ มีทั้งฝ้ายและไหม
ช่างทอคนงาม นำผ้าที่ตัดใหม่มาเสนอให้ สีสันเขียวสดใส แม่ไม่ค่อยชอบหรอก แต่เห็นฝีมือทอและ
อยากส่งเสริม แม่ขอรับไว้ละกัน ถ่ายภาพกับช่างทอด้วย ..จัดไป ได้จ่ายเงินสบายใจแระ..
(ใครชอบผ้าซิ่น ทอมือ สีเขียว เดี๋ยวมาคุยกัน)
นอกจากนี้ มีเครื่องใช้ ชาวไทดำตามแบบโบราณ ที่นำมาจัดแสดงไว้ด้วย
ผ้านุ่งแบบไทดำ ผ้าใช้งานตามประเพณีตั้งแต่เกิดจนตาย ตามโอกาสต่างๆ ที่ชาวไทดำทอใช้เอง
ได้แขวน พับแสดง จำลองไว้ ส่วนที่คนสนใจก็ขายและทอใหม่ เก็บเฉพาะผ้าของโบราณจริงๆ
เก็บภาพกับ เจ้าหน้าที่ คนดูแลหอวัฒนธรรม เราจ่ายเงินค่าบำรุง คนละ 2000 k.
วันนี้ได้พลังเด็กๆ เยอะมาก เจอเด็ก ห้าหกคนแล้ว น่าเอ็นดูทั้งนั้น...
16.15 ออกจาก หมู่บ้านไทดำ มัวแต่เอ้อระเหย ดูฟ้าท่าทางจะเจอโจทย์ใหม่แล้วเรา มองไปไกลสุดตานั่นคือเขาลูกสุดท้ายที่ต้องข้ามไป ..
ที่นี่ก็เช่นกัน เราจะไม่สามารถทำเวลา 60 กม.ต่อ ชม. ตามระเบียบจราจรที่อนุญาตได้เลย
ยิ่งถ้าเราเจอเจ้าถิ่น อย่างดีคำนวนไว้เลยว่า สภาพถนนบนเขา เราทำได้ดีแค่ 30 กม. ต่อ ชม.ก็โอเคแล้ว
แค่ 17.30 น. ฟ้าปิดแล้ว พยากรณ์อากาศนั้นช่างแม่นยำ เพียงเราไม่แน่ใจว่า จุดที่เราผ่านจะเป็นบริเวณที่ถูกทำนายว่าฝนตกหรือไม่ ..สิ่งที่เราเจอวันนี้ คือ ฝนฝอย (ทางบ้านเราเรียก ละอองฝน) จะว่าหมอกก็ไม่ใช่ เพราะเกิดมาจากฝน ทำให้หนทางที่ผ่านเรามองเห็นทางข้างหน้าเพียง 2 เมตร
เพื่อความปลอดภัย พลขับผู้ช่ำชอง จึงได้ปรับไฟ ตัดหมอกและปรับระบบสปอตไลท์ ให้ส่องทางได้ชัดเจน ปลอดภัยขึ้นและไปแบบค่อยๆ คลาน โจทย์เพิ่มขึ้น คือ หนาวเย็น (รถจำเป็นต้องเปิดให้อากาศข้างนอกเข้ามาหมุนเวียน เพราะแอร์เสีย ตั้งแต่วัวชน ไม่ได้ซ่อม) ทางอาจลื่น มืดไม่เห็นทาง
ข้างๆ คือเหวแน่นอน .. ระวังรถที่สวนมา สายตาต้องทำงานหนัก มีอะไรอย่างอื่นอยู่ข้างหน้ามั้ย?
19.30 น. เรามาถึง บ้านน้ำเนิน ตามหมุดหมายสำรอง ว่าจะไปใหถึง ซำเหนือ ก็พลาดเป้าอีกแล้ว
เราตามหาที่พักกัน ก็ได้เลือก "เฮือนพักน้ำเนิน" ผู้จัดการตัวน้อย แก้มเป็นพวงเลย..
ได้ที่พักแล้ว ก็ออกมาหาร้านอาหาร ริมทาง ที่เล็งกันไว้ คงไม่ใช่เพราะหิวแน่นอน ฝีมือเธอ เมนูเรียบง่ายแต่รสมือเหลือล้ำ รอดพ้นจากหนทางมืดมน มาเสพอาหารแซ่บ ซดปลาต้มส้ม ร้อนๆ ฟินมาาาาก ..!!
เมนูเรียบง่าย ที่ขาดไม่ได้ คือ เจือนไข่ (ไข่เจียว ) และมีเจือนปลาด้วย มื้อนี้น่าจะราวๆ
150,000 เช่นกัน ..หลับยาวแน่ๆ
เราได้ฝากเธอเตรียมอาหาร คาวหวานให้ เพื่อจะได้ทำบุญตักบาตรกับวัดท้องถิ่น ..สอบถามข้อมูลไว้ พรุ่งนี้เช้า ...เราจะทำบุญร่วมกัน